พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระราชโอรส ของพ่อขุนศรี อินทราทิตย์และพระนางเสืองแห่งกรุงสุโขทัย มีพระเชษฐานามว่า บานเมือง เมื่อพระชันษาได้ ๑๙ ปีได้ชนช้างชนะขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด พ่อขุนศรี อินทราทิตย์ จึงพระราชทานนามว่า "พระรามคำแหง" เมื่อสิ้นรัชสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
และพ่อขุนบาน เมืองแล้ว พระองค์ได้ครองกรุงสุโขทัย ต่อมาเป็น พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๓ แห่งราชวงศ์พระร่วงสันนิษฐานว่าพระองค์ สิ้นพระชนม์ในราวปี พ.ศ.๑๘๖๐ รวมเวลาที่ทรงครองราชย์ประมาณ ๔๐
ปี
กำเนิดอักษร
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1826 โดยทรงดัดแปลงมาจากอักษรขอมหวัดและอักษรไทยเดิมซึ่งดัดแปลงมา
จากอักษรมอญและคิดอักษรไทยขึ้นใหม่ให้มีสระ และวรรณยุกต์ให้พอใช้กับภาษาไทย และทรงเรียกอักษรดังกล่าว ลายสือไทย
ดังมีกล่าวในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงตอนหนึ่งว่า "เมื่อก่อนลายสือไทยนี้บ่มี 1205 ศกปีมะแมพ่อขุนรามคำแหงหาใคร่ใจในใจ
แลใส่ลายสือไทยนี้ ลายสือไทยนี้จึงมีพ่อขุนรามคำแหงผู้นั้นใส่ไว้…" (ปี 1205 เป็นมหาศักราชตรงกับพุทธศักราช
1826)”อักษรสมัยพ่อขุนรามคำแหง มีดังนี้คือก ข ค ฆ ง จ ฉ ช ญ ฎ ฐ ณ ต ถ ท ธ น ป ผ พ ภ ม ย ร ล ว ศ ษ ส ห
และได้เพิ่มพยัญชนะและวรรณยุกต์ให้พอกับภาษาไทยในสมัยนั้น ได้แก่ ฃ ฅ ซ ฎ ด บ ฝ ฟ อ และวรรณยุกต์เอก และโท อักษรไทยของพ่อขุนรามคำแหง ใช้แพร่หลายในเขตล้านนา ล้านช้างและกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงศรีอยุธยาได้ดัดแปลงแก้ไขอักษรไทยจนเป็นอักษรไทยสมัยปัจจุบัน
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1826 โดยทรงดัดแปลงมาจากอักษรขอมหวัดและอักษรไทยเดิมซึ่งดัดแปลงมา
จากอักษรมอญและคิดอักษรไทยขึ้นใหม่ให้มีสระ และวรรณยุกต์ให้พอใช้กับภาษาไทย และทรงเรียกอักษรดังกล่าว ลายสือไทย
ดังมีกล่าวในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงตอนหนึ่งว่า "เมื่อก่อนลายสือไทยนี้บ่มี 1205 ศกปีมะแมพ่อขุนรามคำแหงหาใคร่ใจในใจ
แลใส่ลายสือไทยนี้ ลายสือไทยนี้จึงมีพ่อขุนรามคำแหงผู้นั้นใส่ไว้…" (ปี 1205 เป็นมหาศักราชตรงกับพุทธศักราช
1826)”อักษรสมัยพ่อขุนรามคำแหง มีดังนี้คือก ข ค ฆ ง จ ฉ ช ญ ฎ ฐ ณ ต ถ ท ธ น ป ผ พ ภ ม ย ร ล ว ศ ษ ส ห
และได้เพิ่มพยัญชนะและวรรณยุกต์ให้พอกับภาษาไทยในสมัยนั้น ได้แก่ ฃ ฅ ซ ฎ ด บ ฝ ฟ อ และวรรณยุกต์เอก และโท อักษรไทยของพ่อขุนรามคำแหง ใช้แพร่หลายในเขตล้านนา ล้านช้างและกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงศรีอยุธยาได้ดัดแปลงแก้ไขอักษรไทยจนเป็นอักษรไทยสมัยปัจจุบัน
เนื้อหาในศิลาจารึก
|
คุณค่า
ด้านประวัติศาสตร์
ให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชประวัติพ่อขุนรามคำแหง จารึกไว้ทำนองเฉลิมพระเกียรติ ตลอดจนความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี
ด้านสังคม
ให้ความรู้ในด้านกฎหมายและการปกครองในสมัยสุโขทัย
ด้านวัฒนธรรม
ให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของชาวสุโขทัย
ด้านภาษา
จารึกของพ่อขุนรามคำแหงเป็นหลักฐานสำคัญที่สุด
ที่แสดงให้เห็นถึงกำเนิดของวรรณคดีและอักษรไทย
ด้านประวัติศาสตร์
ให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชประวัติพ่อขุนรามคำแหง จารึกไว้ทำนองเฉลิมพระเกียรติ ตลอดจนความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี
ด้านสังคม
ให้ความรู้ในด้านกฎหมายและการปกครองในสมัยสุโขทัย
ด้านวัฒนธรรม
ให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของชาวสุโขทัย
ด้านภาษา
จารึกของพ่อขุนรามคำแหงเป็นหลักฐานสำคัญที่สุด
ที่แสดงให้เห็นถึงกำเนิดของวรรณคดีและอักษรไทย